NOTE-แปลมาอีกค่ะ ไม่ได้เขียนเองนะคะ ww
purpose
วงดนตรีอินดี้ส์นอกกระแสที่ติดตามผลงานมาตลอดจะได้เดบิวท์เปิดตัวครั้งสำคัญแล้ว วงนี้เป็นวงที่แย่งความนิยมได้เป็นอันดับหนึ่งไม่ก็สองในวงการเพลงใต้ดิน แฟนๆ อย่างพวกผมก็คิดว่ามาตลอดว่าคงมีวันนี้สักวันหนึ่ง วันที่ได้ยินว่าการเดบิวท์เปิดตัวถูกกำหนดแล้วผมก็ดื่มเหล้าฉลองจนอ้วก แน่นอนว่ามีพวกแฟนที่เกลียดการเป็นวงบนดินอยู่เหมือนกัน แต่ผมยินดีด้วยความบริสุทธิ์ใจเลยล่ะ
คืนนี้เป็นไลฟ์การแสดงสุดท้ายของการเป็นวงใต้ดิน สงครามแย่งชิงตั๋วรุนแรงมาก ผมซึ่งเป็นหนึ่งในผู้โชคดีที่ได้บัตรมาในกำมือ มันเป็นการจุดประกายการตัดสินใจครั้งสำคัญครั้งหนึ่งเมื่อได้เหยียบย่างมายังไลฟ์เฮ้าส์ พอได้รับความรู้สึกกล้าหาญจากการแสดงครั้งนี้แล้ว ผมจึงตั้งใจว่าจะขอแฟนสาวแต่งงาน ค่ำคืนในวันธรรมดาเช่นนี้ คนที่รีบรุดมาที่นี่ทั้งชุดสูทคงมีอยู่หลาย ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เอาแหวนใสไว้ในกระเป๋าเสื้อเพราะไม่อยากทำหาย อยากจะตั้งใจค่อยๆ ฟังเพลงอยู่ฝั่งหลังๆ แต่กระนั้น คลื่นความเร่าร้อนจากวงดนตรีก็ทำให้พวกเราเบียดเสียดกัน แม้จะเป็นแถวหลังสุด แต่พวกที่กระโดดโลดเต้นไปมาก็มีอยู่เยอะเหมือนกัน
เมื่อเสียงกีต้าร์สุดท้ายซึ่งลอยค้างกลางอากาศได้หยุดลง เสียงโห่ร้องก็ดังกึกก้อง
เพลงสุดท้ายในลิสท์ตอนนี้ เป็นเพลงประจำวง
แอนนี่ซึ่งเป็นหน้าตาของวงชูกีต้าร์ขึ้นตรงสายตา ลีดกีต้าร์ยูมีร์เช็ดเหงื่อตัวเองแรงๆด้วยเสื้อยืด เบสเบลทรูทโบกมือด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตร ส่วนไรเนอร์กำลังปรับกลองให้เข้าที่
(อังกอร์จะทำอะไรนะ…ยังไม่ได้ทำไอ้นั่นเลยนี่หว่า… แต่การจะทำไอ้นั่นได้มันก็…โธ่เว้ย ยังอยากฟังมากกว่านี้แท้ๆ…!!)
แม้จะบอกว่าเป็นวงใต้ดินก็เถอะแต่ได้รับความนิยมมากขนาดนี้จนพื้นที่ในไลฟ์เฮ้าส์แน่นเอี๊ยด และดูเหมือนว่าบรรดาแฟนๆที่แพ้สงครามชิงบัตรจะปักหลักรออยู่ด้านนอก ร้องหาตั๋วเหลือๆ สร้างกลุ่มคนมหาศาลได้เลยทีเดียว
“ขอบคุณ”
แอนนี่พูดผ่านไมค์สั้นๆ พอสื่อบอกความรู้สึกออกไปแล้ว เหล่าคนหน้าเวทีก็พากันโห่ร้องขึ้นมา ยิ่งขว้างปิ๊กกีต้าร์ออกไปไม่รู้กี่อัน เหล่าผู้ชมต่างเบียดเสียดกลายเป็นสงครามแย่งชิงกันยกใหญ่
“ขอบคุณนะ เป็นคืนที่ดีที่เดียวล่ะ”
ขวดน้ำที่เบลทรูทขว้างมาทำให้น้ำกระจายตัวเคว้งคว้างกลางอากาศ เรียกเสียงหวีดร้องเซ็งแซ่ ถ้าเก็บไอ้ขวดน้ำนั่นได้แล้วเอากลับบ้านไปจะทำอะไรกับมันต่อนะ ผมนึกสงสัยอยู่เสมอ บางที การที่ได้สาดน้ำคือจุดประสงค์ต่างหากไม่ใช่หรือ แต่สำหรับแฟนๆ ของเบลทรูทแล้วมันคงเป็นของที่ควรจะเก็บรักษาไว้ล่ะมั้ง
“พวกนายมีเสน่ห์มากเลยล่ะ!”
พอยูมีร์ตะโกนเสียงดังโดยไม่ใช้ไมค์ พวกแฟนเกิร์ลทางนี้ก็กรีดร้องตอบรับ เป็นเมมเบอร์ที่ไม่ได้ยินข่าวลือดีๆเท่าไรนักหรอก ถ้าไม่ได้มองว่าเป็นนักกีต้าร์ล่ะก็ ผมก็ไม่ได้ชอบเป็นการส่วนตัวเลย
“ไว้เจอกันใหม่นะ!”
ไรเนอร์ซึ่งเป็นหัวหน้าวงชกกำปั้นขึ้นฟ้าแล้วลงจากเวทีไปเป็นคนสุดท้าย เสียงโห่ร้องยกใหญ่ของผู้ชมก็ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยเสียงหัวเราะแทน จะด้วยเพราะท่าทางของเขาหรือด้วยนิสัยของเขากันที่ได้รับความนิยมจากผู้ชายด้วยกันมากมาย จะว่าไปแล้ว ยูมีร์เองก็ได้รับความสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากเพศเดียวกันเช่นกัน เพราะว่าเป็นวงร็อค ถ้าเพลงดีพอล่ะก็สมาชิกวงก็เป็นแค่เรื่องปลีกย่อย แต่เหล่าแฟนคลับที่คิดอย่างนี้มีไม่มากนักหรอก กับวงนี้ด้วยแล้ว
มีเสียงอังกอร์จากเหล่าผู้ชมที่อยากจะสนุกกับค่ำคืนนี้ต่อในช่วงเวลาเดียวกันกับที่เหล่าสมาชิกวงทยอยลงจากเวที ส่งเสียงปรบมือ ตะโกนร้องเรียกชื่อสมาชิกและชื่อวงกันพัลวัน ว่า หลังคอ! หลังคอ! การร้องเรียกอันเป็นเอกลักษณ์เช่นนี้ก็ยังคงอยู่ไม่หายไปไหน
การเรียกอันเป็นปริศนาแบบนี้จะไม่ขอเล่าในตอนนี้แล้วกัน
“เอ่อ.. ขอโทษนะคะ…!”
“ครับ?”
ข้างๆ มีเด็กสาวหน้าตาดีกำลังหอบหายใจ ใส่ชุดนักเรียน เป็นเด็กม.ปลายนี่เอง
ถ้าผมอ่อนกว่านี้สักสิบปีต้องตกหลุมรักเธอเป็นแน่
“ตะ..ตอนนี้…ถึง เพลง…เท่า…ไรแล้วคะ”
“อังกอร์รอบต่อไปพอดีเลยล่ะ”
“อังกอร์…เฮ้อ.. แต่ไงก็มาทัน”
รีบร้อนมาหรือไงกันนะ ยังหอบอยู่เลย เหงื่อก็ออกมากด้วย
ถ้าพูดออกไปมีหวังเสียมารยาทแหง ก็เลยย่อตัวลงให้พอดีกันแล้วยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เด็กสาวคนนั้นไป
“ถ้าไม่รังเกียจล่ะก็ ใช้เถอะ”
“อ๊ะ…มีของตัวเอง…ค่ะ ขอโทษนะคะ แล้วก็ขอบคุณมากเลย”
“ไม่เป็นไร อย่าใส่ใจเลย มาครั้งแรกเหรอ?”
“เปล่าค่ะ มาตั้งหลายครั้งแล้ว เป็นแฟนวงนี้น่ะค่ะ”
“ผมด้วย ชอบมาตั้งแต่ยังมีกันแค่สามคนแน่ะ”
“งั้นเหรอคะ? งั้นก็นานพอควรเลยสิคะเนี่ย”
“อื้อ ได้ตั๋วมาโชคดีจริงๆเลยล่ะ เธอเองก็โชคดีเหมือนกันนะ”
“มีคนให้คนมาน่ะค่ะ…”
“อ้าวเหรอ? ทำอะไรน่าเสียดายแบบนั้นน้า..”
“ฮะฮะ…”
ระหว่างรอสมาชิกปรากฏตัว ก็เพลินไปกับการพูดคุยสัพเพเหระกับเด็กสาวคนนี้
เด็กผู้หญิงคนนี้รู้เรื่องวงละเอียดพอควร โต้ตอบเรื่องเพลงที่มีแต่แฟนระดับฮาร์ดคอร์เท่านั้นที่รู้ได้ด้วย พอเจอพวกเดียวกันแล้วผมก็เลยจริงจังขึ้นมาจริงๆ กับเด็กผู้หญิงคนนี้แล้วจะให้คุยอะไรก็ได้หมดเลยล่ะ
“ผมน่ะ ถ้าการแสดงวันนี้จบลง ตั้งใจว่าจะขอแฟนแต่งงาน…”
“งั้นเหรอคะ! ยอดเลย ต้องไปได้สวยแน่ๆค่ะ ”
ใบหน้าเปื้อนยิ้มของผู้หญิงสวยๆ คล้ายจะมีพลังลึกลับบางอย่าง
ยังไงดี แต่มีความรู้สึกว่าจะทำได้สำเร็จขึ้นมาจริงๆนะ
“…ขอบคุณ เธอมีแฟนหรือเปล่า? เอ่อ..โทษที ถ้าเป็นคำตอบไม่สบอารมณ์ก็ผ่านมันไปเถอะ ”
“…ไม่มีค่ะ ถ้าเป็นรักข้างเดียวมาตลอดล่ะก็มีค่ะ”
“เธอน่ะนะ? รักข้างเดียว?”
“สามปีแล้วล่ะค่ะ ก็เคยคิดอยู่ว่าใกล้ตัดใจได้แล้วล่ะมั้ง แต่ก็น้า…”
สีหน้าหมองเศร้าก็ประหนึ่งภาพเขียนเลยทีเดียว
ถ้ามองมากไปคงไม่ดีต่อเธอเท่าไร จริงสิ นี่ไม่ใช่เวลามาตื่นเต้นกับผู้หญิงคนอื่นนี่หว่า
“เป็นคนแบบไหน ถามได้มั้ย?”
“…เป็นคนขี้โกง กะล่อน หยาบคายค่ะ”
“แล้วก็ยัง…อุตส่าห์ไปชอบอะไรวุ่นวายแบบนั้นนะ…”
“คนอื่นก็พูดแบบนี้บ่อยๆ ค่ะ”
ได้เห็นใบหน้าแบบนี้จากเด็กผู้หญิงน่ารักขนาดนี้ ก็ยังมีไอ้คนทำตัวชั่วช้าอยู่เหมือนกันแฮะ
แสงไฟเปลี่ยนสี ดูเหมือนเหล่าสมาชิกจะเตรียมตัวเสร็จแล้ว
เสียงตะโกนโห่ร้องแห่งความหวังดังตัดบทสนทนากับเด็กผู้หญิงคนนั้น
พวกเรามุ่งความสนใจไปยังเวที
“เอ๋?”
พอมองไปยังเวที เหล่าแฟนที่เกิดคำถามเดียวกับผมก็ส่งเสียงเซ็งแซ่ เกิดความวุ่นวายขึ้นในบริเวณนั้น
วงนี้มีแอนนี่เล่นกีต้าร์และร้องนำ ลีดกีต้าร์ยูมีร์ เบลทรูทเล่นเบส ไรเนอร์เล่นกลอง นอกจากแอนนี่แล้วก็มีเบลทรูกับไรเนอร์เป็นคอรัส มีแต่ลีดกีต้าร์ยูมีร์เท่านั้นที่ยังไงก็ไม่ร้องเด็ดขาด แม้กระทั่งคอรัสก็ไม่ แล้วตอนนี้เธอยืนอยู่ใจกลางวง เตรียมกีต้าร์อยู่เบื้องหน้าขาตั้งไมค์
“โทษทีนะที่แทรกความรู้สึกส่วนตัวลงในการแสดงใต้ดินครั้งสุดท้ายนี้ด้วย แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็จำเป็นต้องร้องเพลง ใครที่ไม่สนใจก็กลับไปได้เลยนะ เพราะฉันจะร้องแค่เพลงเดียวเท่านั้นแหละ…”
ทั้งที่เป็นยูมีร์ แต่กลับพูดจานิ่มๆ
ทุกคนต่างประหลาดใจกับการเซอร์ไพรส์ ไม่ขยับตัวเลย ทุกคนต่างพากันจับตาดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
“อะไรกัน? ไม่มีใครออกไปเลยเรอะ? ..ถ้างั้น จะเริ่มแล้วนะ”
เพลงเริ่มต้นด้วยการนับจังหวะของไรเนอร์ เป็นเพลงภาษาอังกฤษเพลงแรกในประวัติศาสตร์ของวง
พวกเราถูกดึงดูดให้หลงใหลในอึดใจเดียวด้วยเสียงร้องของยูมีร์ที่หวานเกินคาดและจังหวะดนตรีแสนนุ่มนวล
ดนตรีประกอบที่ดังตัดขึ้นมากับการร้องประสานของแอนนี่ ไม่รู้ว่าเกิดอะไร แต่พลันขนลุกชันขึ้นมา
เบสของเบลทรูทกรีดก้องสั่นสะเทือนถึงข้างใน กลองของไรเนอร์ช่วยกระชับรั้งเสียงให้แจ่มชัดขึ้น
แต่เหนือสิ่งอื่นใด คือยูมีร์ที่ร้องเพลงด้วยความรู้สึกอันอัดแน่น ทำให้ละสายตาไปจากเธอไม่ได้เลย
“สุดยอด…”
ไม่สามารถเฟ้นหาถ้อยคำใดมาจำกัดความได้อีก
เป็นเพลงรัก
เพลงรักที่สื่อถึงใครบางคน ยูมีร์ร้องเพลงนี้ให้อย่างสุดหัวใจ
เมื่อปลดปล่อยเสียงเอื้อนยาวสุดไพเราะจากลำคอ เพลงนี้จึงจบลง ยูมีร์พูดต่อด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มไปไม่เป็น
ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ราวกำลังสัมผัสแตะต้องสิ่งเปราะบาง
“- – -รักเธอนะ ฮิสตอเรีย ”
เสี้ยววินาทีที่เด็กผู้หญิงคนข้างๆ ร้องไห้ออกมาโดยไร้สุ้มเสียงใด มีแต่ผมเท่านั้นที่มองเห็น
END.
2015-07-18 at 1:44 am
หวานมากเลยค่ะ
ชอบจังเลยค่ะ
>_< ขอบคุณที่แปลมาให้อ่านนะคะ
ถูกใจถูกใจ