ชอบมากเลยแปลมา เนื่องจากมิลกี้นี่มันมิลกี้จริงๆ…
จากที่นี่ >>> http://www.pixiv.net/novel/show.php?id=4751209
残香 (さやみるきー):กลิ่นที่ยังหลงเหลือ
ณ กองถ่ายมาจิสุกะกักคุเอ็น 4
เมื่อถ่ายฉากของตัวเองจบและผลักเปิดบานประตูห้องเรียนซึ่งใช้เป็นห้องพักนักแสดงออก
ก็พบกับยามาโมโตะ ซายากะและวาตานาเบะ มิยูกิ
ในทันทีที่ฉันเปิดประตูเข้าไป มิลกี้ก็ยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปากก่อนแย้มยิ้ม
ซายากะนอนหนุนศีรษะบนตักของมิลกี้ ผ่อนลมหายใจหลับสนิท
นักแสดงคนอื่นยังคงเข้าฉากอยู่ ภายในห้องนั้นจึงมีแค่พวกเรา
บานประตูห้องเรียนส่งเสียงเปิดปิดดังก้องพอควร แต่อาจเพราะซายากะหลับลึก จึงไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัวตื่น
มิลกี้เพียงให้ซายากะนอนหนุนตักและจดจ้องใบหน้ายามหลับของอีกฝ่ายด้วยสีหน้าอ่อนโยน
ด้วยความสัตย์จริง ฉันเพิ่งเคยเห็นภาพของทั้งคู่ในท่าทางเช่นนี้เป็นครั้งแรก
ถึงมิลกี้ไม่ส่งสัญญาณให้ฉันเงียบ ฉันก็ตกใจจนพูดอะไรไม่ออกอยู่แล้ว
อาจจะเพราะเหนื่อยหรือสภาพร่างกายไม่ค่อยดี แต่ไม่อยากเชื่อเลยว่าซายากะจะนอนหลับบนตักของใครคนอื่น
นอนหนุนตักคนอื่นทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าจะต้องเผยใบหน้ายามหลับให้เห็น
หากไม่ใช่คนที่ไว้ใจในระดับหนึ่งคงไม่มีทางทำเช่นนี้แน่
ไม่สิ ต่อให้เป็นคนที่ไว้ใจกันก็ตาม แต่นิสัยส่วนตัวก็ไม่ใช่คนที่จะเผยท่าทางแบบนี้ให้ใครเห็นอยู่แล้ว
ควรจะเริ่มถามจากเรื่องอะไรก่อนดี ในเสี้ยววินาทีที่ขยับเข้าไปนั่งใกล้ ๆ ทั้งที่ยังรู้สึกลำบากใจ
มิลกี้ก็ชะโงกออกมาเล็กน้อย มองลงมาจากเหนือใบหน้าของซายากะพอดิบพอดี
“ซายากะ ใกล้ถึงเวลาแล้วนะ?”
“…..อือ”
มิลกี้ลูบศีรษะปลุกซายากะอย่างอ่อนโยน
ซายากะยื่นมือขึ้นมาเล็กน้อยทั้งยังหลับตากุมมือของมิลกี้ซึ่งลูบศีรษะเธออยู่ก่อนนำมาประทับบนริมฝีปาก จุมพิตลงบนฝ่ามือของมิลกี้เพียงแผ่วเบาราวกับบอกขอบคุณและลุกขึ้นช้าๆ
ฉันรีบหลับตาลงในฉับพลันก่อนฟุบหน้าลงต่ำ
“…ยุยฮังอยู่ด้วยเหรอ?”
“อื้อ”
“….เห็นเมื่อกี้นี้รึเปล่า?”
“พอกลับมาก็นอนทันทีเลยน่ะ”
“…..เหรอ”
ฉันเห็นเต็มตาแท้ ๆ แต่มิลกี้ก็ยังโกหก
ทำไมถึงต้องแกล้งหลับด้วยนะ กระทั่งตัวเองยังไม่เข้าใจ
พฤติกรรมของซายากะไม่ใช่ของที่ห้ามมองเสียหน่อย
ทั้งที่จะหัวเราะ จะเป็นห่วงกับสภาพร่างกายอีกฝ่ายหรือทำเป็นปกติไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับมันนักก็ยังได้แท้ๆ
แต่ว่า ซายากะกลับกังวลว่าฉันจะเห็นรึเปล่า แถมมิลกี้ยังโกหกว่าฉันไม่เห็นอีกต่างหาก
“ซายากะ จะไปไหน?”
“ไปทำให้ตาสว่างหน่อยน่ะ”
ดูเหมือนซายากะทำท่าจะไปที่ไหนสักแห่ง แต่ฉันกำลังแกล้งหลับจึงไม่อาจเห็นฉากนั้นได้
แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของใครบางคนอยู่ใกล้ตัว ฉันจึงลืมตาขึ้นมาทั้งที่ยังฟุบหน้าอยู่ ได้ยินเสียงกระซิบข้างหู
“เป็นความลับนะ”
นั่นคือลมหายใจซึ่งกระซิบบอกอย่างหวิวไหวและแว่วหวานเพียงชั่วเสี้ยววินาทีแสนสั้น
เสียงกระซิบแผ่วแทบถูกกลบด้วยเสียงเปิดประตูห้องเรียน
แต่ในเสี้ยววินาทีที่ได้ยินจากข้างหู ฉันก็รีบเงยหน้าขึ้นก่อนจ้องไปที่ประตูห้อง
มิลกี้คนที่กระซิบบอกฉันกำลังจะออกไปจากห้องเพื่อตามซายากะที่ออกไปก่อนหน้านี้
ในพริบตาที่บานประตูกำลังปิดลง
เราสบตากัน
แววตาของมิลกี้ซึ่งแย้มยิ้มอย่างอ่อนหวานจับจ้องมองฉัน
ห้องเรียนกลับสู่ความเงียบสนิท
กลิ่นหวานเชื่อมที่มิลกี้เหลือทิ้งไว้ลอยละล่องเจือในอากาศ ฉันถอนหายใจหน่วงหนัก
เพราะฉันตระหนักได้ว่า กลิ่นหวานเชื่อมของยัยตัวร้ายที่เหลือทิ้งไว้มันกำลังพยายามปิดปากฉันอีกครั้งหนึ่งนั่นเอง--------
ใส่ความเห็น