เกือบเดือนล่ะ เพิ่งจะว่างเขียน …. เหมือนยุ่งมาก ความจริงนั่งเล่นของเล่นทั้งวัน 5555555555555555555
จากทริปไปดูคอน 2588 กินนอนอยู่นาโกย่าเป็นอาทิตย์ก็ใช้ชีวิตวนเวียนอยู่แถว ๆ ซาคาเอะเป็นส่วนมาก เรื่องจดหมายเนี่ย จริง ๆ ก็ตั้งใจจะเขียนส่งให้เค้าตั้งนานแล้วนะ ตั้งแต่กลับจากดูละครเวทีมาจิใหม่ ๆ
แต่มาเจอประกาศแกรดตัดหน้าก่อน เลยช็อคไปพักนึง ……… TvT
ก็เลยตั้งใจว่า จดหมายฉบับแรกถึงมัตสึอิ เรนะ เราจะเอาไปส่งถึงเธียเตอร์ด้วยตัวเองเลยแล้วกัน
เรื่องเนื้อหาก็เคยคิด ๆ ว่าจะเขียนไปก่อนดีมั้ยนะ แต่มาคิดอีกที ดูคอนแกรดเค้าก่อนดีกว่า อาจจะมีอะไรอยากบอกเค้าเพิ่มเติมก็ได้ เพ้อเจ้อไปเรื่อย ๆ มัตสึเระอาจจะชอบใจ (?) ก็เลยรอจนดูคอนทั้งสองวันจบ วันต่อมา 31 สิงหาคม 2015 ซึ่งเป็นโคเอ็นจบการศึกษาของมัตสึอิ เรนะ เราก็ซื้อกระดาษเขียนจดหมายเอาไปนั่งเขียนที่ร้านกาแฟใต้ตึกซันไชน์วันนั้นเลย
คืนก่อนหน้านั้น ยูอาสะแจ้งผ่าน 755 ว่า มัตสึอิ เรนะจะไม่ออกไปทักทายแฟนคลับนอกตึกซันไชน์เหมือนอย่างที่ไอดอล 48 ตัวท็อปคนอื่น ๆ เคยทำมาก่อน เพราะหลังจากพยายามเจรจาเพื่อขอความร่วมมือจากตำรวจและสวนสาธารณะใกล้ ๆ เพื่อขอยืมสถานที่แล้ว แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ
ก็พอเข้าใจนะ โครงสร้างเธียเตอร์ SKE ไม่ได้มีระเบียงให้โผล่หน้าออกมาข้างนอกเหมือนของ AKB แถมมีพื้นที่รอบตึกน้อยมาก ถ้าให้มัตสึเระออกมาทักทายก็อาจจะเกิดความชุลมุนก็ได้ ลงท้ายก็เลยตัดสินใจที่จะไม่ออกไป
ส่วนตัวก็เข้าใจแหละ แต่ก็รู้สึกเสียใจนิดนึง 55555
แต่ถึงยูอาสะจะแจ้งแบบนั้น ต่อให้ทุกคนรู้ทั้งรู้ว่ามัตสึเระจะไม่ออกมาแน่ ๆ แต่โอตะก็ยังเป็นโอตะ ทุกคนไปรอที่ตึกซันไชน์ตั้งแต่เช้าเก้าโมงเพื่อจับจองพื้นที่แถวหน้ารอบจอใหญ่ที่อยู่ชั้นล่างของตึก
ส่วนเราเหรอ ……..อ๋อ ตื่นมาก็สิบโมงกว่าแล้ว TvT (มนุษย์ความดันต่ำ)
นอกจากตั๋วโคเอ็นแกรดที่อัตราการถูกต่ำมาก ไม่รู้จะเอาน้ำแดงไปไหว้ศาลไหนถึงจะได้ตั๋วมา (ชีวิตนี้ยังไม่เคยถูกตั๋วโคเอ็นค่ะขุ่นพระ…) สตาฟฟ์ซาคาเอะที่มีอัตราเฉลี่ยหน้าตาดีใช้ได้ ♥ ก็เปิดให้แฟนคลับไม่มีดวงทั้งหลายได้ลุ้นตั๋วดูผ่านหน้าจอ LCD ขนาดยักษ์ที่ชั้น BF1 แบบชิดขอบจอเลยทีเดียว
ส่วนเราเหรอ ……..อ๋อ ไม่ถูกตั๋วสักกะอย่างเลยค่า ฟ๊าคมายดวง TvT
เลยตื่นมาสาย ๆ อย่างชิวมาก อาบน้ำ กินข้าว หาซื้อกระดาษเขียนจดหมายจากร้านขายยาแถวนั้น กว่าจะไปถึงตึกซันไชน์ก็เกือบบ่ายหนึ่งล่ะ โอตะเลือดญี่ปุ่นทั้งหลายก็กำลังยืนอยู่รอบตึกอย่างแน่นขนัด ชวนให้ลังเลว่าเขียนจดหมายเสร็จ กลับไปดู DMM ที่ห้องดีกว่ามั้ยเนี่ย ….
น่าอัศจรรย์มากที่คนเยอะชิบหาย แต่ร้านกาแฟ Tully’s ยังอุตส่าห์มีโต๊ะว่างให้นั่ง สั่งเครื่องดื่มกับขนมเรียบร้อยก็พาตัวเองไปนั่งเขียนจดหมายรักพลางชมวิวนอกร้านกาแฟ ที่คราคร่ำไปด้วยเหล่าทาสมัตสึเระผู้ภักดีทั้งหลาย
เป็นวิวที่สวยงามจริง ๆ *ดูดชานม*
เขียน ๆ ไถ ๆ อยู่ประมาณชั่วโมงกว่า จดหมายรักฉบับแรกถึงมัตสึอิ เรนะจากใจเราก็เสร็จเรียบร้อย♥
เท่าที่จำความได้ เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยมั้งที่เขียนจดหมายถึงใครอย่างจริงจังแบบนี้ เพนท์เฟรนด์อะไรที่เค้าฮิต ๆ กันเมื่อก่อนยังไม่เคยมีเลย ._.
กว่าจะเขียนเสร็จ ดูนาฬิกาก็สี่โมงกว่าล่ะ โคเอ็นจะเริ่มห้าโมง โอตะรอบจอก็เริ่มหนาตามากจนชวนสิ้นหวังว่าส่วนสูงอย่างเราคงไม่ได้ดูล่ะมั้ง ขณะที่ไปเดินด้อม ๆ มอง ๆ รอบด้านว่าพอจะมีช่องตรงไหนให้ยืนดูได้บ้างมั้ยนะ ด้วยความที่สตาฟฟ์เอาเครื่องกั้นมาวางล้อมรอบตรงหน้าตึก ตั้งแต่บันไดเลื่อนยันหน้าร้านกาแฟ Tully’s เพื่อให้กลุ่มโอตะไม่เพ่นพ่านจนกีดขวางคนใช้บริการคนอื่น ๆ แถมดูท่าทางคนที่เข้าไปภายในพื้นที่ส่วนเครื่องกั้นก็จำกัดด้วย
ตอนนั้นโคเอ็นใกล้จะเล่นเต็มที คนก็เลยเยอะแบบพีคมาก ช่วงขณะที่ลังเลใจก็หันไปสบตากับสตาฟฟ์ข้าง ๆ โดยบังเอิญ ก็เลยเอาวะ ยืดอกทำใจกล้าถามฮีไปว่า เรายังพอเข้าไปในพื้นที่ส่วนที่กั้นนี้ได้รึเปล่า ฮีก็ยิ้ม ผายมือเชิญให้เข้าไปอย่างสุภาพมาก (ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าสตาฟฟ์ 48 ส่วนใหญ่ที่เจอสุภาพมากถึงมากที่สุด) เราก็พาตัวเองแซะ ๆ เข้าไปจากช่องว่างแคบ ๆ ตรงข้างลิฟท์ ซึ่งคนแน่นแออัดมาก ทุกคนพร้อมจะค้อนใส่มนุษย์หน้าใหม่ใครก็ตามที่บังอาจแทรกตัวเข้ามายังพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์นี้ (……..)
อาห์ …. ช่างเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากในชีวิตลูกเหลือเกินค่ะบิดา
ลูกโดนจ้องจนพรุนไปหมดแล้ว TvT
แต่ถึงเราจะเข้าไปในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์นั้นได้แล้ว แต่เราก็ยังมองไม่เห็นจออยู่ดี เพราะจอมันอยู่ด้านข้าง การจะมองเห็นได้ต้องเดินวนไปทางบันไดเลื่อนด้านหน้าตึก ซึ่ง คนก็แออัดกันขนาดนี้แล้ว……….
(อธิบายรูป : ด้านล่างหน้าจอคือคนที่ถูกตั๋ว BF1 / ด้านบนรอบ ๆ คือแฟนคลับที่แห่มาจองที่ตั้งแต่ไก่โห่)
……. วิธีเข้าคือต้องเดินไปเข้าจากซ้ายมือของรูป ก็เลยติดคนอยู่ตรงนั้น ไม่สามารถเห็นจอได้ TvT
แล้วสุดท้ายเราทำยังไงเหรอ ….. ถอดใจกลับไปดูที่ห้องมั้ย?
ไม่!! เดินเข้ามาขนาดนี้แล้วเว้ย ใช้มุกกะเหรี่ยงอาวุธสุดท้ายไปเลยT_T!!
เราก็แซะ ๆ ก้ม ๆ โค้ง ๆ ย่อตัวเดินจนเข้าไปถึงส่วนกลางที่จะมองเห็นจอได้ แต่ความซวยอย่างหนึ่งคือยังไงก็ยังมีคนเกาะอยู่แถวหน้า ให้ตายยังไงเราก็มองไม่เห็น ขณะที่กำลังหันรีหันขวางอยู่นั้นเอง ก็บังเอิญมีลุงโอตะตัวสูงคนหนึ่งที่อยู่แถวหลังช่วยบอกให้คนอื่น ๆ หลีกทางให้เรา ……. (โห ลุงแม่งใจหล่อมากTvT) เลยปิ๊งเห็นโอกาส รีบบอกว่าขอยืนดูตรงนี้ได้มั้ยคะ
ลุงก็เออ ได้สิ ๆ เอาเลย แต่ตัวแค่นี้จะมองเห็นเหรอ?
……
เอาล่ะเว้ย ตอนนี้เราต้องขุดสกิลสาวน้อยขึ้นมาใช้นะ!!
*เงยหน้าช้อนสายตา + ชี้มือไปแถวหน้า*
นี่ (ทำเสียงน่าสงสารเต็มที่) “ขอไปยืนตรงนั้นได้มั้ยคะ ขอที่เล็ก ๆ ก็พอ”
ลุง “……..”
นี่ “…….”
ลุง (หันไปตะโกนกับเพื่อนโอตะที่ยืนอยู่แถวหน้าตรงนั้นพอดี)
“เฮ้ย ตรงนั้นพอมีที่ว่างมั้ย!!!”
กลุ่มคนตรงนั้นก็พากันหันมามองเรางง ๆ เพื่อนลุงก็ยิ้มแล้วพยักหน้ากวักมือให้เราไปยืนด้วยกัน
โย้ชช่าาาาาาาาาาาาาส์ !!!!!!!!! ได้ที่แถวหน้าแล้วเว้ย!!! TvT
(ความหน้าด้านมันก็มีประโยชน์ในหลายโอกาสนะคะ……..*น้ำตา*)
เพื่อนลุงที่กวักมือให้เราไปยืนข้างกันเป็นโอตะสาวแมน (?) เราก็ชวนคุยสร้างมนุษย์สัมพันธ์ว่าเป็นโอชิเรนะเหรอ เค้าก็คิดแป๊บนึงก่อนบอกว่าอื้อ โอชิเรนะ ริอง ชูริ มากิโกะ บลา บลา บลา …..
พี่คะ……แถวบ้านน้องเค้าไม่เรียกโอชิ เค้าเรียกว่า DD ค่ะ………………..
ขอรีโพสต์รูปนี้อีกที มีเราอยู่ในรูปนี้ด้วยนะ เพราะยืนแถวหน้าสุด……… (ติ่งแรงมาก ติ่งจนสงสารบิดา)
พอดีแก๊งโอตะรอบตัวเป็นมนุษย์เฮฮาปาจิงโกะ คุยกันเสียงดังมาก ตอนที่โคเอ็นใกล้เล่น
สตาฟฟ์ก็ปล่อยคนที่ถูกตั๋วให้เข้าไปที่ชั้น BF1 มีโอตะชายผู้หนึ่งใส่เสื้อและห้อยกระเป๋าผ้าสกรีนชื่อชิบาตะ อายะเด่นมาก โอตะรอบตัวเลยพากันช่วยรุมแซะกันใหญ่ว่าอิตานี่ จะมาประกาศตัวว่าเป็นโอชิอายะทำไมตรงนี้
จริง ๆ จะโอชิใครก็ไม่ผิดหรอก แต่ด้วยสามัญสำนึกของโอตะผู้น่ารักจิตใจดีมีศีลธรรมทั้งหลายจะพากันรักษามารยาทว่า ควรเปิดโอกาสให้โอชิเรนะจริง ๆ ได้ไปอำลาโอชิของตัวเอง ถ้าไม่ใช่โอชิก็ไม่ต้องไปแย่งตั๋วกับเค้า
เป็นโลกที่สวยงามยูโทเปียยังอายจริง ๆ นะ… *น้ำตา*
แต่มันก็ยากจะบอกว่าใครเป็นโอชิใคร เพราะแฟนคลับ 48 ส่วนใหญ่ใช่จะชอบไอดอลแค่คนเดียว ไม่งั้นคงไม่มีวัฒนธรรม DD และโอชิเฮนอย่างแพร่หลาย …..
ถ้ายังหากฎใหม่มาบังคับใช้ไม่ได้ ก็ต้องยอมรับกับกฎที่มีแหละนะ ว่าทุกคนมีสิทธิลงตั๋ว ไม่ใช่แค่เฉพาะโอชิเท่านั้น
เราควรแฮปปี้ที่มัตสึเระของพวกเรามีคนรักมากจนนอกใจโอชิตัวเองได้นะ เย้ TvT
เอาล่ะ เพ้อเจ้อมานาน โคเอ็น Te wo Tsunaginagara ของทีม E ก็เริ่มซะที
จากตรงนี้คือรีพอร์ตโคเอ็นจบการศึกษาของมัตสึอิ เรนะ ทั้งที่แปลเพิ่มเติมและก็อปแปะจากที่เคยแปลไปแล้ว ขี้เกียจพิมพ์ใหม่ เพราะไม่รู้จะพิมพ์ใหม่ทำไม……….
รีพอร์ตโคเอ็นจบการศึกษาของ มัตสึอิ เรนะ – 2015.08.31
ประกาศเงา : มัตสึอิ เรนะ
“สำหรับฉันแล้ว โคเอ็นนี้เป็นโคเอ็นแสนพิเศษและน่าสนุกเอามาก ๆ เลยค่ะ ทุกคนเตรียมใจกันพร้อมแล้วใช่มั้ยคะ? ฉันจะมีความสุขมากถ้าทุกคนคอลล์ชื่อเมมเบอร์ทั้งหมดกันสุดเสียงเลยนะคะ”
พี่โอตะข้าง ๆ : ให้คอลล์ชื่อทุกคนด้วย สมแล้วที่เป็นเรนะซัง♥
ความทาสออกนอกหน้าเหลือเกิน…. TvT
มัตสึเระ *หมุนมากิโกะติ้ว ๆ*
มากิโกะ *ตีพุงมัตสึเระ*
มากิโกะ : เมื่อวานเรนะซังหายตัวไปตอนพิธีจบการศึกษาแบบยิ่งใหญ่มาก แต่พอมาวันนี้ก็ดันยังอยู่ด้วยเฉ๊ย แล้วเมื่อวานมันหมายความว่าไงนะ
มัตสึเระ : เวทมนต์จะไม่มีวันเสื่อมคลายจนกว่าจะเที่ยงคืน จะไม่ถอดรองเท้าแก้วออกด้วย คาสึมิโซแห่ง SKE มัตสึอิ เรนะค่ะ
นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วมั้งที่จะได้ฟังเค้าแนะนำตัวจูนิเบียวแบบนี้ …..TvT
มัตสึเระ : คอนเสิร์ตที่โตโยต้าสเตเดียมเมื่อวานนี้ เพื่อนที่เคยอยู่ชมรมเดียวกันสมัยม.ปลายก็มาดูด้วยนะคะ ไม่ได้เจอกันมาตั้ง 6 ปีแน่ะ แถมยังเอาของฝากจากอาจารย์ที่ปรึกษาชมรมมาให้ด้วย เป็นของฝากจากออสเตรเลีย พวงกุญแจจิงโจ้น่ะค่ะ
นักกี้ : พอฉันไปถามเรื่องประธานชมรมคนรัก2Dรุ่นต่อไปกับเรนะซังที่จะจบการศึกษาในวันนี้นะคะ เค้าก็บอกฉันว่า “เป่ายิงฉุบเลือกเอาก็ได้นะ”
ไปเกรียนเป็นแบ็ค Glory daysด้วย………
พอบรรดาโอตะพากันรู้สึกตัวว่าข้างหลังนั่นมันมัตสึเระนี่หว่า ก็ส่งเสียงฮากันครืน…….
พี่โอตะข้าง ๆ : อุตส่าห์มาเป็นแบ็คแดนเซอร์ด้วย สมแล้วที่เป็นเรนะซัง♥
….เออ ทาสนี่มันทาสจริง ๆ นะ
หล่อเสมอแม้หน้าม้าเปียก♥
คาน่อน : ฉันได้ออกคำถามในอีเวนท์จบการศึกษาของเรนะซังด้วยนะคะว่า “เมมเบอร์ที่เอ็นดูมากที่สุดในประวัติศาสตร์ SKE ก็คือคิโมโตะ คาน่อน ใช่หรือไม่” แต่ดันไม่ใช่ซะงั้น เรื่องนี้ฉันลืมไม่ลงไปชั่วชีวิตแน่นอน เคืองเข้ากระดูกดำเลย
มัตสึเระ : แต่หลังจากนั้นฉันก็สำนึกผิดแล้วนะ คิดไปคิดมาก็เปลี่ยนใจ “ยังไงก็ต้องคิโมโตะ คาน่อนล่ะนะ”
คาน่อน : พูดจริงป่ะคะ?
มัตสึเระ : วันนี้ฉันก็ชมเธอว่าน่ารักจังเลยใช่มั้ยล่ะ
รุมิ : คำว่าน่ารักของเรนะซังเชื่อถือไม่ได้ค่ะ
#松井玲奈 劇場最終公演
大好き http://t.co/2XIsFqNun1—
AKB48@メモリスト (@akb48memo) August 31, 2015
ไดชุกิ♥
หล่อแรงมาก♥
Mae no Meri ในคอสตูมโคตรหล่อ 555555555555555555
VTR ประวัติชีวิตถั่วงอก
มัตสึเระ : ทุกคนคะ ช่วยโบกแท่งไฟสีเหลืองให้หน่อยได้มั้ย~?
อิดะ เรโอนะ : ตอนที่ฉันสื่อความรู้สึกของตัวเองออกไปให้รุ่นน้องเข้าใจไม่ได้ เรนะซังก็ช่วยปลอบฉันด้วยค่ะ …. (ร้องไห้)
ฟุคุชิ นาโอะ : ฉันเคยไปงานจับมือเรนะซังด้วยนะคะ บทสนทนาแรกที่คุยเรนะซังก็คือ เค้าถามว่า “เป็นคนจ.โทชิงิเหรอ?” ดูเหมือนเค้าจะดีใจที่คนจ.โทชิงิชอบ SKE น่ะค่ะ
ซาคาอิ เมย์ : ตอนฉันไปบ้านด้งจัง (หลังงานดราฟท์) พอฉันถามเค้าว่า “ชอบ JR เหรอ?” เค้าก็ตอบว่า “ยังไงก็ต้อง JR นี่แหละค่ะ”
“ตอนที่มัตสึอิ เรนะ, มัตสึอิ จูรินะ, โอยะ มาซานะอยู่พร้อมหน้ากันสามคน แม้พวกเค้ากำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ฟุคุชิ นาโอะจังก็พยายามจะถ่ายคลิปมือถือเก็บไว้สุดชีวิต”
วันสุดท้ายของ 2588 วัน
ช่อดอกไม้ที่ต้องใช้คนถึงสามคนแบกมา
มัตสึเระ : ถือไม่ไหวแหงเลย…..อ้าว เบาจัง!
จดหมายจากสุดะ อาการิ
“ถึงเรนะซัง
ฉันไม่เคยเห็นเรนะซังยอมอ่อนข้อหรือออมมือเลยสักครั้งเดียว พอเห็นเรนะซังเป็นแบบนั้นแล้ว ก็ทำให้ฉันเชื่อว่า ไม่ว่าจุดเริ่มต้นของเราจะอยู่ตรงไหน แต่คนที่จะกำหนดอนาคตได้ก็มีแต่ตัวเราเองเท่านั้น และทำกิจกรรมต่าง ๆ ผ่านมาได้นะคะ
ฉันรู้สึกขอบคุณที่ฉันได้รู้จักกับเรนะซัง ได้เดินหน้าเรื่อยไปแบบนี้
ตอนเรนะซังแสดงโคเอ็นหรืออยู่ในงานจับมือก็ไม่เคยปล่อยเวลาให้สูญเปล่าไปเลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเผชิญหน้ากับแฟน ๆ ทีละคนอย่างจริงจัง ซ้ำยังอัพบล็อกบ่อย ๆ เพื่อให้แฟน ๆ ที่ไม่สามารถมาเจอได้รู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้น
ฉันนับถือเรนะซังที่ไม่ทำให้ทุกคนที่เคยพบเจอกับตัวเองต้องรู้สึกเสียใจอยู่เสมอค่ะ
และการที่จะได้เป็นคู่แข่งของเรนะซังในสักวันหนึ่ง ก็เป็นเป้าหมายของฉันมาโดยตลอด แต่สุดท้ายฉันก็ไม่อาจจะไล่ตามทันก่อนที่เรนะซังจะจบการศึกษาไป มันทำให้ฉันเจ็บใจมากนะคะ
หลังจากที่งานเลือกตั้งปีนี้จบลง เรนะซังก็บอกฉันเรื่องที่จะประกาศจบการศึกษาด้วยใช่มั้ยคะ
พูดตามตรงแล้ว ถ้าตอนนั้นเรนะซังไม่บอกกับฉันเรื่องนั้น ฉันก็คงเอาแต่คิดจะหนีไปจากที่นี่แน่นอนเลย วันนั้นเรนะซังไม่ได้พูดอะไรทำนองว่า “จากนี้ก็ขอฝากด้วยนะ” หรอกค่ะ แต่ฉันสัมผัสได้ถึงถ้อยคำที่เรนะซังบอกกับฉัน สัมผัสได้ถึงไออุ่นจากการที่เรนะซังอุตส่าห์มานั่งด้วยกัน ฉันก็เลยคิดขึ้นได้ว่า ฉันเองก็มีอะไรที่พอจะทำเพื่อ SKE48 ได้บ้างหรือเปล่านะ
ช่วงเวลา 6 ปีนี้ ฉันได้รับแรงบันดาลใจและตระหนักได้หลายอย่างจากการได้อยู่เคียงข้างเรนะซัง ฉันช่างเป็นคนที่มีความสุขเหลือเกินค่ะ
เรนะซังจะไม่อยู่ที่SKEอีกแล้วนับจากสเตจในวันนี้เป็นต้นไป
แต่สิ่งที่เรนะซังทำเพื่อ SKEมาตลอดจะไม่มีวันสูญเปล่าอย่างแน่นอนค่ะ มีเมมเบอร์มากมาย รวมทั้งฉันด้วยที่ได้เห็นเรนะซังและคิดอยากจะเป็นให้ได้อย่างนั้นบ้าง
ฉันรู้สึกกังวลใจเหมือนกันนะคะ แต่ฉันจะพยายามไปด้วยกันกับทุกคนเพื่อให้เรนะซังหมดห่วง เพราะฉะนั้น ช่วยเฝ้ามองพวกเราต่อไปด้วยนะคะ และถ้าไม่ว่าอะไร บางครั้งบางคราวก็ช่วยแนะนำพวกเราบ้างนะคะ
ยินดีด้วยอีกครั้งนะคะ ที่จบการศึกษา
ฉันไม่เคยเห็นใครที่ได้พบกับเรนะซังแล้วไม่มีความสุขเลยสักคนเดียวค่ะ
ต่อจากนี้ก็ขอให้เชื่อมั่นในตัวเอง วิ่งไล่ตามความฝันต่อไปและกลายเป็นนักแสดงผู้ยอดเยี่ยมให้ได้นะคะ
ฉันรักและเชื่อมั่นเรนะซังในฐานะมนุษย์คนหนึ่งเลยล่ะค่ะ
จากสุดะ อาการิ”
◆ข้อความจากมัตสึอิ เรนะถึงแฟน ๆ
“ฉันไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิดจนกระทั่งวันนี้มาถึงค่ะ กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่รู้สึกเลยว่ามันเป็นความจริง
คิดอยู่ว่า นี่ฉันจะจบการศึกษาแล้วจริง ๆ เหรอ ขนาดมีความรู้สึกว่าตัวเองอาจจะออกมาเล่นโคเอ็นอีกก็ได้นะด้วยซ้ำ
ฉันรู้สึกสนุกสนานได้พร้อมทุกคนที่มาดูโคเอ็นวันนี้ ทุกคนที่ไม่สามารถมาที่นี่ได้ และทั้งเมมเบอร์ทุกคนเลยค่ะ
ช่วงแรก SKEมีจำนวนรอบโคเอ็นน้อยมาก เราฝึกซ้อมทุกวันเพื่อแสดงแค่โคเอ็นอย่างเดียว แค่การได้แสดงโคเอ็นอาทิตย์ละครั้งนับเป็นช่วงเวลาที่ฉันมีความสุขยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดในชีวิต
ฉันอาจจะซุกซ่อนตัวอยู่ภายใต้เงาของทุกคน แต่ยังมีใครหลายคนอุตส่าห์หาฉันพบและฉุดดึงฉันขึ้นมาจนถึงจุดนี้ได้ ไม่ใช่แค่ฉันคนเดียวที่คิดแบบนี้หรอกนะคะ เมมเบอร์คนอื่น ๆ ก็คงคิดเหมือนกัน
การได้พบเจอกับแฟน ๆ ที่คอยสนับสนุนพวกเรานับเป็นพลังงานที่ช่วยให้พวกเราได้ส่องประกาย
โรงละครเป็นสถานที่แปลกประหลาด พอได้มายืนอยู่ตรงนี้ ต่อให้มีความทุกข์ใจมากแค่ไหน เราก็สามารถยืนอยู่ได้ด้วยความร่าเริงสดใส
ฉันมีความทรงจำอันสนุกสนานมากมายที่นี่ค่ะ ฉันกล้าพูดได้เต็มปากอย่างภาคภูมิใจเลยว่าช่วงชีวิตวัยเยาว์ของฉันคือ SKE นี่แหละ และฉันกำลังตระเตรียมเพื่อทำให้ดอกไม้ดอกต่อไปเบ่งบานขึ้น เหมือนอย่างในเนื้อเพลง “2588 วัน” ที่เพิ่งร้องไปเมื่อสักครู่
ต่อจากนี้ หากทุกคนช่วยมอบแสงสว่างจากดวงตะวัน ช่วยรดน้ำให้ฉัน เพื่อที่ฉันจะได้เบ่งบานเป็นดอกไม้ช่อใหญ่ให้ทุกคนได้เห็น ฉันก็จะดีใจนะคะ และฉันคิดว่า เมล็ดพันธุ์ที่ชื่อว่า SKEกำลังอยู่ในช่วงการเจริญเติบโตค่ะ
SKEต้องเบ่งบานเป็นดอกไม้ที่ใหญ่ขึ้นมากกว่านี้อีกแน่นอน เมมเบอร์ทุกคน แต่ละคนคือเซนเตอร์ของกรุ๊ป และหากมีแฟน ๆ ที่คอยสนับสนุนพวกเราอยู่ ไม่ว่าจะที่ไหน พวกเราก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้ค่ะ
จากนี้ฉันก็อยากให้ทุกคนช่วยเฝ้ามอง SKE ต่อไปด้วยนะคะ และหากทุกคนช่วยเฝ้ามองฉันอยู่ในซอกเล็ก ๆ ของหัวใจเพียงสักนิด ฉันก็รู้สึกดีใจค่ะ
ต่อไปนี้ฉันจะไม่ใช่ดอกคาสึมิโซอีกแล้ว ฉันหวังว่าตัวเองจะเบ่งบานเป็นดอกไม้ดอกใหญ่กว่านี้อีกค่ะ
เฮ้อ
ช่วงเวลา 7 ปีนี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจมีอะไรมาแทนที่ได้เลยสำหรับฉันค่ะ ทั้งเหล่าคนที่ฉันได้พบก็ไม่อาจมีอะไรมาแทนที่ได้เช่นกัน
ทั้งหมดทุกอย่างเป็นสมบัติล้ำค่าของฉัน เพราะฉะนั้น ฉันก็เลยอยากให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้ ทั้งต่อจากนี้ก็อยากเชื่อมั่นในตัวเอง ภาคภูมิใจกับเรื่องราวเหล่านั้นและพยายามเดินหน้าต่อไปค่ะ จากนี้ก็ขอฝากตัวด้วยนะคะ”
ฟุคุชิ นาโอะ “เมื่อกี้นะ ที่เรนะซังพูด …(ร้องไห้)”
มัตสึอิ เรนะ “อะไรเหรอ? ไม่เป็นไรนะ มีอะไร?”
ฟุคุชิ นาโอะ “ที่เรนะซังบอกว่า SKEจะต้องยิ่งใหญ่มากกว่านี้ พวกเราเองก็อยากทำให้มันยิ่งใหญ่กว่านี้ให้ได้เหมือนกันค่ะ จากนี้พวกเราก็จะพยายามต่อไปเพื่อให้สักวันหนึ่ง เรนะซังพูดถึง SKE ว่า โตขึ้นเยอะมากเลยนะ ขอบคุณนะคะ แล้วก็ขอโทษด้วย”
◆EN07.Tooku ni itemo
มัตสึอิ เรนะ “เพลงนี้จะเป็นเพลงสุดท้ายแล้วจริง ๆ ค่ะ ฉันส่งเมมเบอร์จบการศึกษาไปมากมายด้วยเพลงนี้…. (ร้องไห้)”
คนดู “สู้เค้า”
มัตสึอิ เรนะ “ได้ส่งทุกคนไปมากมาย ฉันรู้สึกดีใจมากจริง ๆ ที่ได้ร้องเพลงนี้เป็นเพลงสุดท้ายในฐานะ SKEค่ะ และหวังว่าฉันจะส่งความรู้สึกไปถึงทุกคน และอีกหลายคนที่ไม่สามารถมาได้ในวันนี้ รวมถึงเมมเบอร์ที่ไม่ได้มายืนอยู่ด้วยกันบนเวทีในวันนี้ได้นะคะ”
◆ทักทายหลังโค้งขอบคุณ
มัตสึอิ เรนะ “จริงสิ ลืมบอกไปเลย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกนะคะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับ Mae no meri น่ะค่ะ ฉันใส่ความรู้สึกเอาไว้มากมายตอนที่ร้องในท่อนที่บอกว่า
“ความหวังคือกำลังกายทั้งหมดที่มี ไม่เป็นไรยังไหวอยู่”
เป็นเพราะฉันอยากให้เมมเบอร์ร้องเพลงนี้ตอนที่รู้สึกทรมานที่สุดเวลาแสดงไลฟ์หรือในตอนที่รู้สึกอ่อนแอ และอยากให้คิดว่าหากตัวเองมีความหวังก็ยังไม่เป็นไรหรอกนะ
ตอนที่อัดเสียง ฉันโดนถามว่า “ในเพลงนี้ ชอบท่อนไหน?” ฉันก็เลือกท่อนนี้ไปค่ะ
เพราะฉะนั้น Mae no meriจึงมีความรู้สึกของฉันแทรกอยู่ด้วย
ต่อจากนี้ฉันคิดว่า ทุกคนและเมมเบอร์SKEคงจะมีโอกาสได้ร้องและได้ฟัง Mae no meriมากกว่าฉันเสียอีกนะคะ หากในเวลานั้น ทุกคนคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาและตัดสินใจพยายามต่อไปได้ ฉันก็จะรู้สึกดีใจค่ะ
SKEเปี่ยมล้นไปด้วยความหวังมากมายค่ะ เพราะฉะนั้น ต่อจากนี้ฉันก็ขอฝากสนับสนุนSKEด้วยนะคะ ขอบพระคุณมากเลยค่ะ”
แปลจากลิ้งค์นี้ >> http://akb48.blog48.fc2.com/blog-entry-18435.html
ส่วนลิ้งค์นี้ >> http://akb48.blog48.fc2.com/blog-entry-18436.html มีรูปและรีพอร์ตสั้น ๆ ที่รวบรวมจากทวิตเตอร์
ระหว่างที่โคเอ็นเล่น โอตะนอกตึกก็พากันควักแท่งไฟมาโบก ตะโกนคอลล์กันเสียงดังไม่แพ้พวกที่ได้เข้าไปดูในโคเอ็นเลยทีเดียว รู้สึกได้จากใจว่ามัตสึอิ เรนะมีแต่คนรักเค้ามากจริง ๆ นะ โคเอ็นสนุกมากกกกกก สนุกไม่แพ้คอนเสิร์ตทั้งสองวันเลย ต่างกันแค่ช่วงพิธีแกรดในโคเอ็นเรียกน้ำตามากกว่าในคอนเสิร์ตเท่านั้น …… ร้องไห้ชิบหาย ร้องไห้สะอึกสะอื้น ช่วยกันร้องไห้กับโอตะชายหนุ่มข้าง ๆ ที่สะอึกสะอื้นไม่แพ้กัน(โถ…….) ดีใจจัง มีเพื่อนร้องไห้ด้วย ไม่เหงาแล้ว ….
พอโคเอ็นจบปุ๊บ สตาฟฟ์ก็ประกาศย้ำอีกครั้งว่ามัตสึอิ เรนะจะไม่ออกมาทักทายนอกตึกนะ ขอให้ทุกคนแยกย้ายกลับบ้านด้วยความสงบ โอตะก็สลายตัวจากไปอย่างรวดเร็ว (มายืนรอตั้งแต่เช้าเพื่อดูมัตสึเระผ่านจอในเวลาไม่กี่ชั่วโมง แล้วก็กลับบ้าน……) บางส่วนก็ขึ้นไปรุมที่หน้าเธียเตอร์เพราะจะถ่ายรูปซุ้มแกรดที่ตั้งอยู่หน้าประตู
ระหว่างที่เรากำลังเดินกลั้นสะอื้น ขึ้นบันไดเลื่อนไปที่หน้าเธียเตอร์เพราะจะเอาจดหมายไปส่ง (ทำยังไงก็หยุดร้องไม่ได้…. TvT) หน้าเธียเตอร์ก็ชุลมุนมาก มีทั้งสตาฟฟ์ ทั้งรปภ.ตะโกนขอให้ทุกคนเลิกรุมด้านหน้าเพราะกีดขวางทางเดินของคนอื่น นี่ก็ยืนอึ้งอยู่แถวนั้น จะเข้าไปได้มั้ย ยังไงดี รี ๆ รอ ๆ จนรปภ.เกือบมาไล่ ก็รีบหันไปทักสตาฟฟ์หน้าตาดีคนหนึ่งแถว ๆ นั้น
นี่ (หน้ายังเปื้อนน้ำตาTvT) “ขอโทษนะคะ พอดีอยากเข้าไปส่งจดหมาย….” *ชูจดหมายให้ดู*
สตาฟฟ์ “อ้อ” *พยักหน้า* “ได้ครับ แต่ช่วยรอตรงนี้ก่อนนะครับ ตอนนี้เรายังให้คนเข้าไปไม่ได้”
นี่ “ได้ค่ะ ไม่เป็นไร” *พยักหน้า*
สตาฟฟ์ “แต่ถ้ายังไง จะฝากจดหมายให้ผมไปส่งแทนก็ได้นะครับ”
นี่ *ส่ายหน้ารัว* “ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าเป็นไปได้อยากไปส่งด้วยตัวเองมากกว่า”
สตาฟฟ์ *ยิ้ม* “อื้ม นั่นสินะครับ”
ตอนนั้นประทับใจมากว่า เฮ้ย เข้าใจหัวอกแฟนคลับมาก ๆ TvT ชื่นชมแรง เราก็ยืนรอหลบหลังสตาฟฟ์คนนั้นอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งผู้ชมในเธียเตอร์ทยอยออกมาจากหน้าประตูกันหมด รปภ.ก็ช่วยกันไล่คนนอกที่มามุง ๆ ให้ออกไปอย่างจริงจังมากขึ้น จนกระทั่งลุงรปภ.หันมาเจอเราที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
รปภ. “หนู ๆ ถ้าไม่มีธุระอะไรก็ช่วยออกจากบริเวณนี้ด้วยนะครับ”
นี่ “อ๋อ พอดีจะมาส่งจดหมายน่ะค่ะ” *ชูจดหมายอีก*
รปภ. “เอ้อ …แต่เค้าห้ามคนเข้าไปข้างในแล้วนะ เอางี้ ฝากผมไปส่งแทนแล้วกัน”
นี่ *เบะปาก* “ไม่เอาค่ะ จะไปส่งเอง…..”
หันมองไปรอบตัว อ้าวเฮ้ย สตาฟฟ์คนนั้นหายไปไหนแล้ว TvT ซวยล่ะสิ คือด้วยความที่อารมณ์จากโคเอ็นยังค้าง พร้อมจะร้องไห้ได้ทุกเมื่อ ยืนเถียงกับลุงรปภ.สักพักว่าให้ตายยังไงเราก็จะไปส่งจดหมายด้วยตัวเองให้ได้
ลุงรปภ. “แต่ผมให้คุณเข้าไปไม่ได้แล้ว…” (ทำหน้าลำบากใจหนักมาก)
นี่ “……….” *ส่ายหน้า+ก้มหัวลง* “ขอร้องล่ะค่ะ…….”
แล้วน้ำตาที่พยายามกลั้นมาตลอดก็พราก………………………..
ลุงรปภ. *เลิ่กลั่ก* “อะ เอ่อ เดี๋ยวผมไปตามสตาฟฟ์มาคุยให้แล้วกัน……”
นี่ *พยักหน้ารัว ๆ *
.
.
โอย ลุงคะ หนูขอโทษ หนูไม่ได้อยากร้องไห้ใส่ลุงนะคะ……………….TvT
.
.
แล้วลุงรปภ.คนนั้นก็ตามลุง AKS ที่ท่าทางจะเป็นหัวหน้ามาช่วยคุย
.
.
นี่ *สะอื้น* “หนูจะขอเข้าไปส่งจดหมายค่ะ….”
ลุง AKS “แต่เราปิดไม่ให้คนเข้าไปแล้ว ฝากผมไปส่งแทนแล้วกัน”
นี่ *ส่ายหน้า* “ยังไงก็อยากขอไปส่งด้วยตัวเองได้มั้ยคะ”
ลุง AKS “เราให้คุณเข้าไปไม่ได้หรอกนะครับ ถ้าคุณเข้าไปแล้วคนอื่น ๆ ล่ะ คนอื่น ๆ ก็อยากเข้าเหมือนกันนะ”
นี่ *สะอื้น* “แต่หนูจะไปส่งจดหมาย…..”
ลุง AKS “ฝากไว้ที่ผมเถอะ เดี๋ยวผมรับผิดชอบเอง”
นี่ *ส่ายหน้าอีก*
ลุง AKS “เราให้คนเข้าไปไม่ได้จริง ๆ นะครับ”
นี่ *สะอื้น* “แต่….แต่…. ยังไงหนูก็อยากเข้าไปส่งด้วยตัวเองนะคะ”
ลุง AKS “หมายถึง อยากไปส่งให้มัตสึอิ เรนะด้วยตัวเองเหรอ?”
นี่ *อึ้ง* “…….ปะ เปล่าค่ะ ขอแค่เมลบ็อกซ์ก็พอแล้ว”
เพราะเรารู้ว่ามีเมลบ็อกซ์ตั้งอยู่ด้านในเธียเตอร์ ขอแค่เข้าไปหย่อนจดหมายลงกล่องด้วยมือของตัวเองเท่านั้นก็พอ ถึงเราจะรู้ว่าฝากให้สตาฟฟ์ไปก็ไม่หายหรอก แต่ยังไงเราก็ห้ามความรู้สึกที่อยากส่งลงกล่องด้วยตัวเองไม่ได้อยู่ดี
ลุง AKS (ทำหน้าลำบากใจ) “แต่ว่า…..”
จังหวะนั้นก็มีสตาฟฟ์คนแรกโผล่หน้ามาพอดี เหมือนฮีเพิ่งจะนึกออกว่ามีเด็กบ้าคนหนึ่งมายืนรอส่งจดหมายอยู่ตรงนี้ ….TvT
ตอนนั้นมีสตาฟฟ์รุมล้อมเราอยู่หน้าเธียเตอร์อยู่ 6- 7 คน
ไม่มีแฟนคลับคนอื่นแล้วนอกจากเราคนเดียว (………) ดูเหมือนทุกคนก็สนใจว่าสุดท้ายแล้ว
เรื่องนี้จะลงเอยยังไง เด็กคนนี้จะเข้าไปส่งจดหมายได้หรือไม่!?
ระหว่างนั้นเราก็ร้องไห้หนักขึ้นเรื่อย ๆ …….. ย้ำอีกทีว่าไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะ TvT
ลุง AKS *ถอนหายใจ* “เอางี้…..”
สุดท้าย สตาฟฟ์ก็ให้คนไปยกกล่องเมลบ็อกซ์จากข้างในเธียเตอร์มายื่นให้ตรงหน้าเรา
สตาฟฟ์ “เอ้า เมลบ็อกซ์นะ ส่งได้เลย!”
นี่ *สะอื้น* (หยิบจดหมายขึ้นมามองชื่อมัตสึอิ เรนะก่อนจะหย่อนลงไปในเมลบ็อกซ์)
พอเรียบร้อย สตาฟฟ์รอบตัวต่างพากันทำหน้าตาโล่งอก ……………….. TvT
นี่ *ก้มหัว* “ขอบคุณนะคะ แล้วก็ขอโทษด้วย” *สะอื้น*
ลุง AKS *ส่ายหน้า* “ไม่หรอก ทางเราต่างหากที่ต้องขอโทษด้วยนะ”
สตาฟฟ์ที่ถือกล่องมาให้ *ยิ้ม* “ขอบคุณมากนะครับ จากนี้ก็ขอฝากช่วยสนับสนุน SKE48 ด้วยนะครับ!!”
นี่ *สะอื้น* “ค่ะ ….. ขอโทษนะคะ ขอโทษจริง ๆ ”
ก็ก้มหัวขอโทษไปนับไม่ถ้วน รู้สึกผิดจริง ๆ ว่าตัวเองเอาแต่ใจมาก ๆ ทำให้ทุกคนลำบาก แต่ถึงอย่างนั้น สตาฟฟ์ทุกคนก็ไม่มีใครมองเราอย่างไม่พอใจเลยสักคนเดียว ทุกคนยิ้มส่งจนกระทั่งเราก้มหัวขอโทษเป็นครั้งสุดท้าย แล้วก็เดินขึ้นบันได้เลื่อนเพื่อไปที่ชั้นคาเฟ่
จริง ๆ ตอนนั้นจะเดินขึ้นเดินลงก็ไม่รู้ทิศล่ะ มึนงงไปหมด ….TvT อายก็อาย แถมทำยังไงก็หยุดร้องไห้ไม่ได้ เลยพยายามสงบสติอารมณ์เดินขึ้นไปถึงชั้นคาเฟ่ที่นัดกับพวกน้องฝุยไว้ พวกฝุยกำลังต่อแถวรอเข้าคาเฟ่พอดี ตอนแรกก็ไม่ได้กะไปเข้าคาเฟ่ด้วยหรอก รู้สึกอยากเจอหน้าใครสักคนบ้างเท่านั้นเอง ซึ่งฝุยก็ชวนเข้าไปด้วยกัน ก็เฮ้ย ไม่ดีมั้ง โดนด่าตายเลย=_= แต่พวกฝุยมีสามคน โต๊ะตัวหนึ่งนั่งได้สี่คน เพราะฉะนั้น ถึงเราไปแทรกก็ไม่ทำให้คิวคนที่ต่อหลังได้นั่งช้าลง เราก็เลยโอเค ไปยืนด้วย แล้วก็ร้องไห้โฮ ตอนนั้นสติสตังค์ไม่เหลือล่ะ……………………….
ทำน้องฝุยตกใจอีก ………………. โอ่ย ชีวิต orz
ระหว่างกำลังร้องไห้ใส่น้องฝุย สตาฟฟ์คาเฟ่ก็เดินเข้ามาทักว่า ขอโทษนะฮะ เราให้คุณมาแทรกตรงนี้ไม่ได้ เราก็สะอื้นพร้อมตอบไปว่า พอดีมาด้วยกันสี่คน นั่งโต๊ะเดียวกันน่ะค่ะ สตาฟฟ์ก็ลังเลแป๊บหนึ่ง ก่อนบอกว่าสักครู่นะฮะ เดี๋ยวผมไปถามคนในร้านก่อน
ก็เลยพยักหน้า พร้อมกับก็ร้องไห้ต่อ
สักพักสตาฟฟ์กลับมาบอกว่า ขอโทษนะฮะ ยังไงก็ไม่ได้จริง ๆ แล้วก็เชิญเราออกจากแถว บอกว่ามีคนต่อคิวอยู่ข้างหลังอีก มันจะไม่ยุติธรรมกับคนอื่น
ซึ่งเราเข้าใจนะ คนญี่ปุ่นเป็นคนแบบนี้จริง ๆ ก็เลยโอเค ยอมออกแต่โดยดี สะอื้นเป็นพัก ๆ โบกมือลาพวกฝุยเดินออกไป ฝุยก็บอกว่า เดี๋ยวได้คิวแล้วจะมาเรียกให้ไปนั่งด้วย เพราะมีค่าเท่ากันอยู่ดี
ระหว่างนั้นเราก็ต้องทำอะไรกับอาการร้องไห้หนักมากของตัวเองให้ได้….. เดินดูซีดีรอบร้านที่ชั้นสามก็แล้ว ยืนอ่านนิตยสารก็แล้ว ทำยังไงก็หยุดร้องไม่ได้ซะที จนคิดว่าห้ามไปก็ไม่ไหวหรอก งั้นปล่อยให้ร้องไปเลยแล้วกัน ก็เลยเดินขึ้นไปตรงส่วนห้องมืด ๆ ที่เหมือนจะเป็นจุดชมวิวติดกระจก ด้านนอกเป็นชิงช้า ก็เลยมองชิงช้าแล้วก็สะอื้นเงียบ ๆ คนเดียว (เป็นเอามาก…. )
เลิกกะแฟนยังไม่ร้องไห้เลย แล้วมัตสึเระนี่เป็นใคร๊ TvT
.
.
.
.
.
อ๋อ เป็นนายทาสของเราเอง………………..orz
.
.
แล้วระหว่างนั้นเอง
*แปะ แปะ*
“?” ยืนอยู่คนเดียวแล้วใครมาตีแขนวะ…….=_=
พอก้มลงมอง ก็มีเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ น่าจะ 6 – 7 ขวบมาจับตรงข้อศอก ตาจ้องแป๋วไปยังชิงช้าสวรรค์
.
.
น้องไม่ใช่ผีใช่มั้ยคะ…..
“…..มะ มีอะไรเหรอ?”
“อันนั้น” เด็กชี้มือไปที่ชิงช้า “มันอยู่ตรงไหน?”
“…..มันก็อยู่ตรงนั้นไง”
“อันนั้น” *ตีแขนอีก* “มันต้องขึ้นตรงไหน?”
อ่อ……..=_=
“อยู่ชั้นล่างนะ” เช็ดน้ำตาพร้อมย่อตัวลงเสมอความสูงเด็ก (นางงามหนักมาก….)
“เดินลงบันไดไป อยู่ชั้นล่างนี้เอง”
เด็กคนนั้นก็พยักหน้า แล้วหมุนตัววิ่งออกไป
………….เดี๋ยวนะ
นาย ๆ …… ไม่ได้อะไรมากหรอกนะ แต่เวลาแบบนี้คนเราเค้าควรต้องมีคำพูดอะไรต่อกันบ้างนะคะ …….=_=
นึกจะโผล่ก็โผล่ จะไปก็ไป …….. แปลกเด็กเหลือเกิน
แต่เพราะเด็กคนนั้นก็ทำให้เราหยุดร้องไห้ได้ในที่สุด
ก็ถือว่าเป็นเรื่องราวดี ๆ มั้งนะ ….. TvT
แล้วเรื่องที่เราไปดราม่าร้องไห้ใส่สตาฟฟ์ก็กลายเป็นเรื่องตลกให้ทุกคนหัวเราะกันบนโต๊ะกินข้าวในคาเฟ่ …… ()
อื้อ ทุกคนแฮปปี้ เราก็แฮปปี้ ….TvT
เหมือนอย่างที่มัตสึเระกล่าว เรื่องทุกข์ยากทั้งหลายมันจะกลายเป็นเรื่องตลกเมื่อเวลาผ่านไป
สำหรับใครที่อยากเขียนจดหมายไปหามัตสึอิ เรนะบ้าง จากนี้คงเอาไปส่งที่เธียเตอร์ SKE48 ไม่ได้แล้วต่อให้ไปร้องไห้ใส่สตาฟฟ์จนตึกพังก็ตาม …… สามารถส่งไปตามที่อยู่นี้ได้นะคะ
〒106-0032 東京都港区六本木7-14-7 トリニティビル6F Grick株式会社 松井玲奈様宛ファンレター
เวอร์ชั่นปะกิด
106-0032 Roppongi, Minato-ku, Tokyo 7-14-7 Trinity building 6F Grick Ltd. Rena Matsui fan letter
ภาษาอังกฤษก็เขียนไปเล้ย มัตสึเระมีทักษะภาษาอังกฤษที่ใช้ได้นะ แถมยังบอกว่ากำลังพยายามเรียนอยู่ด้วย เราควรช่วยส่งเสริมนางด้วยการเขียนจดหมายไปให้นางอ่านเพื่อเป็นการฝึกฝน
พูดถึงจดหมายแล้ว เมื่อวันก่อนก็มีเรื่องแบบนี้ด้วยนะ
https://plus.google.com/u/0/106871589723314171280/posts/6vS4FVfeYk3
[ฟุคุชิ นาโอะ G+] Sep 9, 2015
กูเกิลพลัสไทม์นะ!
※โพสต์นี้อาจจะยาวไปหน่อย แต่อ่านไปก็ไม่เสียหายอะไรหรอกนะ
โพสต์ก่อนหน้านี้ ขอบคุณมากนะคะสำหรับ500คอมเมนท์
เห็นทุกคนดีใจกันฉันก็ยินดีค่ะ(´;ω;`)
สุดยอดที่สุดเลย!
จะขอเข้าประเด็นเลยนะคะ
เป็นเรื่องที่ยังไงฉันก็อยากจะอวดทุกคนให้ได้จริง ๆ !
จู่ ๆ เรนะซังก็ไลน์มาหาค่ะ
เรนะซัง “จำได้มั้ยว่าเขียนไว้ตอนไหน? (รูป)”
พอดูรูปแล้ว มันก็คือจดหมายที่ฉันเขียนไปหาเรนะซังสมัยเป็นแฟนคลับนั่นเอง!
เห็นว่าพอเรนะซังไปเก็บกวาดล็อกเกอร์ที่ห้องซ้อม ก็เจอจดหมายเข้าพอดี พออ่านทวนแล้วก็เห็นเขียนเอาไว้ว่า ฟุคุชิ นาโอะด้วยล่ะค่ะ!
ดีใจจังเลย เรนะซังบอกด้วยว่า “นี่มันพรหมลิขิตชัด ๆ !” (ฮา)
นี่แหละที่ฉันอยากจะเอามาเล่าให้ทุกคนฟัง!
เพราะงั้น ทุกคนก็ลองส่งจดหมายกันบ้างนะคะ( ´ー` )♪
“ถึงมัตสึอิ เรนะจัง
ฉันชอบกันดั้มเหมือนกันนะคะ ดิสนีย์ก็ชอบค่ะ SKEยิ่งชอบใหญ่เลย♥”
เขียนไปตั้งแต่สมัยไหนไม่รู้ ยังเก็บไว้อีก น่าประทับใจ แถมยังอุตส่าห์อ่านทวนด้วย
ซึ่งอย่างที่ด้งว่า ทุกคนก็ลองเขียนจดหมายกันเต๊อะ ยังไงคนรับเค้าก็คงดีใจเนอะ :3
ใส่ความเห็น